#asus zenfone#Zenfone2#Zenfone4#Zenfone4.5#Zenfone5#Zenfone6#ข่าวสารข้อมูลต่างๆเกียวกับมือถือZenfoneทุกรุ่น#การแก้ใขเบื่องต้น#วิธีการอัพเดทเฟิร์มแวร์

วันพฤหัสบดีที่ 30 เมษายน พ.ศ. 2558

มาดูความสามารถของ ASUS ZenLink






ASUS ZenLink
ASUS ZenLink เป็นชุดของ App ที่ใช้ในการควบคุมและแชร์ไฟล์ผ่านมือถือ Zenfone หรือบาง App ก็สามารถใช้แชร์ไฟล์กับอุปกรณ์ยี่ห้ออื่นได้เหมือนกัน โดย ZenLink ประกอบด้วย PC Link, Share Link, Remote Link และ Party Link

PC Link
PC Link เป็น App ที่ทำให้เราสามารถควบคุมมือถือ Zenfone ผ่านทางหน้าจอคอมพิวเตอร์ได้เลย โดยอาศัยการเชื่อมต่อผ่านทางสาย USB ซึ่งเราสามารถใช้คีย์บอร์ดและเมาส์ของคอมพิวเตอร์ในการควบคุมมือถือได้ การใช้งานเราต้องมีการติดตั้งโปรแกรม PC Link ลงในคอมพิวเตอร์ของเราก่อน ซึ่งสามารถ download มาติดตั้งได้จาก Link นี้
http://pclink.asus.com/ หลังจากติดตั้งโปรแกรมเสร็จแล้วเรามาดูขั้นตอนการใช้งานกัน
1. เสียบสาย USB ต่อ Zenfone เข้ากับคอมพิวเตอร์
2. เปิด PC Link ในมือถือขึ้นมา ซึ่งถ้าเรายังไม่เคยเปิด USB Debugging ในมือถือ เราจะเห็นข้อความบอกว่าให้เปิด USB Debugging ก่อนครับ

3. เปิดโปรแกรม PC Link ในคอมพิวเตอร์ขึ้นมาแล้วก็กดปุ่ม Connect ได้เลย
 

4. หลังจากทำการ Connect ได้สำเร็จ เราก็จะเห็นหน้าจอมือถือของเราโผล่ขึ้นมาในโปรแกรม PC Link ทันที โดยจะสามารถใช้เมาส์เคอร์เซอร์ click บนหน้าจอแทนนิ้วได้เลย ส่วนเวลาจำเป็นต้องพิมพ์อะไรก็สามารถพิมพ์บนคีย์บอร์ดของเครื่องคอมพิวเตอร์ ได้เลยเช่นกัน
 

5. นอกจากการควบคุมมือถือแล้ว PC Link ยังมีแถบเครื่องมือด้านบนให้ทำงานเพิ่มเติมได้ คือ
    • Screen Rotation: หมุนหน้าจอ
    • Volume: ปรับความดังของเสียง
    • Screenshot: จับภาพหน้าจอแล้วบันทึกลงคอมพิวเตอร์เลย โดยภาพจะเก็บไว้ใน Pictures\PCLink
    • Power: เปิด-ปิดหน้าจอโทรศัพท์
    • Settings: สามารถเปลี่ยน Folder ที่จะบันทึกภาพหน้าจอได้จากเมนูนี้

PC Link นั้นมีประโยชน์มากในกรณีที่เราใช้คอมพิวเตอร์อยู่แล้วมีการแจ้งเตือนในมือ ถือหรือเราต้องการจะทำอะไรสักอย่างในมือถือระหว่างนั้น เราไม่จำเป็นต้องหยิบมือถือขึ้นมาแต่สามารถตรวจดูการแจ้งเตือนหรือทำงานผ่าน หน้าจอคอมพิวเตอร์ไปได้เลยครับ สิ่งที่ควรจะปรับปรุงสำหรับ PC Link คือ framerate ในการแสดงผลนั้นน้อยไปหน่อยเลยดูไม่ลื่นไหลสักเท่าไหร่และยังไม่สามารถบันทึกภาพหน้าจอเป็นวิดีโอได้ครับ

Remote Link
Remote Link เป็น App ที่ทำให้เราสามารถใช้ Zenfone เป็นรีโมทสำหรับคอมพิวเตอร์ได้ กล่าวคือ มันสามารถเป็น touchpad, ตัวควบคุมงานพรีเซนต์ Powerpoint, ตัวควบคุมโปรแกรม Windows Media Player และคีย์บอร์ดสำหรับพิมพ์ได้ โดยอาศัยการเชื่อมต่อทาง Wifi หรือ Bluetooth ซึ่งการใช้งานเราต้องติดตั้งโปรแกรม Remote Link ลงในคอมพิวเตอร์ก่อน สามารถ download มาติดตั้งได้จาก Link นี้ http://remotelink.asus.com/ หลังจากติดตั้งโปรแกรมเสร็จแล้วเรามาดูขั้นตอนการใช้งานกัน
1. เปิด Remote Link ใน Zenfone ขึ้นมาแล้วเลือกว่าจะเชื่อมต่อแบบไหน ถ้าเป็น Wifi เครื่องคอมพิวเตอร์และตัว Zenfone เองต้องอยู่ในเครือข่ายเดียวกัน ถ้าเป็น Bluetooth ก็ต้องมีการ pair กันก่อนใช้งานครับ
2. เลือกวิธีเชื่อมต่อแล้วก็กด Search device ค้นหาเครื่องคอมพิวเตอร์ที่ต้องการเชื่อมต่อได้เลย
3. หลังจากเชื่อมต่อสำเร็จ Zenfone ก็พร้อมเป็นรีโมทที่ใช้ควบคุมคอมพิวเตอร์ทันที ซึ่งรองรับการใช้

วิธี Recovery mode/Factory Reset

Recovery mode
1.ปิดเครื่อง
2.กดเพาเวอร์ + เพิ่มเสียง เข้าบูทเมนูแล้วเลือก RECOVERY แล้วเครื่องจะรีบูทแล้วจะเจอหุ่นตาย
3.กดปุ่มลดเสียง ปุ่มเพิ่มเสียง แล้วปล่อยปุ่มลดเสียง และปล่อยปุ่มเพิ่มเสียง (ทำอย่างรวดเร็ว) เข้าเมนู
แล้วเลือก wipe data/factory reset กดปุ่มเพาเวอร์ ตกลง
เสร็จแล้วเลือก wipe cache partition กดปุ่มเพาเวอร์ ตกลง

Factory Reset แบบ วิดีโอ



 Option 1: Hard Reset ASUS ZENFONE 5 with Software Menu :


  1. Make sure the battery is charge properly
  2. Turn on ASUS ZENFONE 5 smartphone (ปิดเครื่อง)
  3. Don’t forget to backup all important data (อย่าลืม Backup ไว้ก่อน)
  4. Go to menu: Setting > Backup & reset > Factory Data Reset > Reset Phone 
  5. Choose Erase everything to continue and confirm you ready to do the format ASUS ZENFONE 5
  6. The ASUS ZENFONE 5 will continue the step until ready to use in clean factory default.

โทรศัพท์ของใครแบตหมดเร็วมั้งเรามีวิธีช่วยให้แบตอึดขึ้น



วิธีง่ายๆเลยแต่ได้ผลดีที่เดียวเพียงแค่ให้เราใช้แบตจนเหลือ 15% แล้วค่อยชาร์จใหม่จนเต็ม ทำแบบนี้สัก 3-4 รอบ แบตจะเริ่มอึดขึ้นครับ เหมือนเป็นการกระตุ้นประจุไฟฟ้ามันให้ทำงานเต็มที่ครับ

อีกสาเหตุหลักๆเลยให้เราลองเช็คดู

1. เช็คกันก่อนเลยว่าอะไรเป็นตัวดูดไฟที่สุดในเครื่องเราด้วย "Battery Use" ปกติจะขึ้นเป็น display และตามมาด้วย app ที่เราใช้บ่อยๆเป็นอันดับสอง
(Settings » About phone » Battery use)
 
2. ตั้งค่าให้ใช้แต่ 2G network เพราะ 3G มันกินไฟมากกว่าเพียบ และไม่ต้องให้มันคอยหาสัญญาณ 3G
(Settings » Wireless controls » Mobile networks » Use only 2G networks)







3. ปรับแต่งค่าความสว่างหน้าจอ ให้มีแต่น้อยหรือให้มัน auto ปรับตามสภาพแสงแวดล้อม โดยหน้าจอนี่แหละที่มีผลอย่างมากต่อ battery ของเราเพราะมันคือตัวดูดไฟที่สุดนั่นเอง
(Settings » Sound & Display » Brightness)
4. ปรับ screen timeout ให้น้อยๆ เวลาที่เราวางมือถือไว้โดยไม่กดปุ่มล็อคจะได้ไม่เปิดหน้าจอให้กินไฟเล่นนานๆ
(Settings » Sound & display » Screen timeout)





5. ปิด wireless เมื่อไม่ใช้ ป้องกันการหาสัญญาณตลอดเวลา ใช้เมื่อไหร่ค่อยเปิดด้วย widget ก็ยังได้
(Settings » Wireless controls » Wi-Fi) หรือ Power Control widget
6. ปิด bluetooth ตัวนี้เปิดทิ้งไว้ก็สูบแบตไม่น้อยเหมือนกัน
(Settings » Wireless controls » Bluetooth) หรือ Power Control widget
7. ปิด GPS ไม่ให้โปรแกรมเรียกขึ้นมาโดยเราไม่ต้องการ และโดยมากมันจับตำแหน่งด้วยสัญญาณ Mobile Network ได้อยู่แล้ว ตัวนี้ก็เป็นหนึ่งในตัวสูบแบตสุดๆเหมือนกัน
(Settings » Security & location » Enable GPS satellites) หรือ Power Control widget

8. เปิด Airplane Mode ถ้ารู้ว่าต้องอยู่ในบริเวณอับสัญญานเป็นเวลานาน โทรศัพท์จะต้องใช้พลังงานมากที่จะคอยค้นหาสัญญาณ
(Hold Power key » Airplane mode) หรือ Power Control widget
9. อย่าเล่นเครื่องตอนมันร้อนๆ ทั้งตอนที่เพิ่งชาร์จไฟเสร็จใหม่ๆ หรือระหว่างที่เล่นแล้วเครื่องร้อนก็ควรพักบ้าง ถ้าฝืนเราจะสูญเสียแบตเตอรี่ไปอย่างรวดเร็ว
10. ตั้ง notification interval ให้พอดีๆ ถ้าเราเล่นพวก twitter หรือ facebook แล้วมีการตั้งให้ดึงข้อมูลมาทุกๆ 5-10 นาที ก็มั่นใจได้เลยว่าสูบแบตแน่นอน เพราะมันจะใช้ edge/gprs ตลอดเวลา และโทรศัพท์ก็จะไม่ได้เข้าสู่ sleep mode ค่าที่ผมใช้ประจำๆคือ 30mins
แค่นี้ก็ประหยัดแบตเพิ่มมากขึ้นแล้ว

 

แนะนำApp เริ่มต้นกันนั้นก็คือAppตามหาเครื่องกัน

ให้เพื่อนๆพี่ๆน้องๆไปโหลดโปรแกรมตัวนี้มาคับโหลดฟรีใน playstore เลย

https://play.google.com/store/apps/details…

หรือเข้า playstore แล้วก็ค้นหา โปรแกรมจัดการอุปกรณ์แอนดรอยด์


พอโหลดเสร็จสิ้นแล้ว icon ก็จะประมาณนี้จร้า





มาดูการตั้งค่ากันก็ง่ายมากตามนี้
ตั้งค่า - ความปลอดภัย - โปรแกรมควบคุมอุปกรณ์ -โปรแกรมจัดการอุปกรณ์ และเปิด..

มีทริคนิสนึง คือ เราสามารถซ่อนappนี้ใว้เพื่อให้คนที่เอาไปไม่เห็น

 ...ใช้ได้กับแอนดรอยทุกรุ่น...
**มือถือ ต้องเปิด GPS ออน3G ไว้ด้วย**
ถ้ามือถือหายก็ ล็อคอินเข้าไปที่ android.com/devicemanager จากเบราเซอร์ ในมือถือ หรือ คอมที่ไหนก็ได้ และก็ตรวจสอบต่ำแหน่งได้

อันนี้รูปตอนตามหาจร้า คล้ายๆ ios เลย

วิธีตรวจสอบ Asus Zenfone ควรทดสอบเครื่องก่อนรับของออกมาจากร้าน

วิธีทำให้ zenfone เข้าสู่โหมดสำหรับ test device นะคับ

วิธีทำคือให้เราเข้าเครื่องคิดเลข แล้วกด .12345+=
เครื่องจะเข้าสุ่โหมดสำหรับเทสเครื่อง


ส่วนเมนูไหนให้เราทำอะไรก็ตามนี้จร้า



เช็คตามนี้ถ้าผ่านก็ไม่มีปัญหาอะไรแล้วแต่ถ้าอันไหนไม่ผ่าก็ให้พนักงานเปลียนเครื่องเลยจะได้ไม่มีปัญหาตามหลัง

  อีกอย่างนึงคือการเทสว่าเครืองเราโดนย้อมแมวมาขายหรือไม่ให้เราTesting

โดยการกด*#*#4636#*#* พอเรากด * (ดอกจัน) ตัวสุดท้ายเสร็จ มันจะพาเราไปที่เมนู Testing ทันที โดยที่ไม่ต้องมีการกดโทรออกแต่อย่างใด
เมื่อเราเข้ามาในส่วน Testing แล้ว เราจะเห็นเมนูอยู่ 4 เมนู ให้เรากดเลือกที่ Battery information
ส่วน Battery information จะแสดงข้อมูลดังนี้
ส่วน ที่จะบอกว่า โทรศัพท์ของเราเปิดมานานกี่ชั่วโมงแล้ว ให้ดูที่บรรทัดสุดท้ายที่เขียนว่า Time since boot ซึ่งจากในรูป โทรศัพท์เครื่องนี้ได้เปิดมาแล้ว 21 ชั่วโมง 57 นาที 16 วินาที
เพียงเท่านี้ เราก็สามารถดูว่ามือถือเราเปิดมาแล้วกี่ชั่วโมงแบบง่ายๆ แล้วครับ

Zenfone 5 (LTE) อัพเดท Lollipop ได้แล้ว ส่วน Zenfone 4, 5, 6 เลื่อนการอัพเดทไปกลางพฤษภา



ในที่สุด Asus Zenfone 5 ก้ได้รับการอัพเดทเป้น Android 5.0 Lollipop แล้ว แต่ยังก่อนครับ ตอนนี้เฉพาะ Zenfone 5 LTE หรือรุ่นรองรับ 4G ที่ใช้ชิพ Qualcomm Snapdragon ก่อนเท่านั้น ส่วน Zenfone 4, 5, 6 นั้นต้องรออีกหน่อย เพราะข้อมูลล่าสุดบอกว่าเลื่อนไปเป็นกลางเดือนพฤษภาคมแล้วเรียบร้อย



สำหรับ Zenfone 5 LTE ที่ใช้รหัส A500KL นั้นตอนนี้มีไฟล์ Update เป้น Android Lollipop ออกมาแล้วเรียบร้อย แต่ยังมีเฉพาะ ROM ไต้หวันเท่านั้น ซึ่งยังไม่อยากให้โหลดมาอัพกัน เพราะรุ้่นนี้ในบ้านเรามีการแก้ไขให้สามารถใช้งาน 4G LTE คลื่น 2100 ได้ ขอให้อดใจรอีกแป้บนึง คาดว่า ROM ไทยคงจะตามออกมาอีกไม่นาน
ส่วนกำหนดการอัพเดท Zenfone 4, 5 และ 6 ล่าสุดนั้นมีข้อมูลตามนี้เลยจ้า

จะเห็นว่า Zenfone 5 LTE นั้นมีกำหนดอัพเดทช่วงต้นเดือนพฤษภาคมซึ่งก็เริ่มปล่อยมาแล้ว ส่วน Zenfone 4, 5 และ 6 นั้นเป็นกลางเดือนพฤษภาคม (เลื่อนจากที่ประกาศรอบที่แล้วมา 1 เดือนได้) ส่วน Padfone S ที่ตอนนี้ลดราคากระหน่ำในล้านเรานั้น ก็จะได้รับอัพเดทในช่วงต้นเดือนมิถุนายนครับ

ป.ล.ขอบคุณข่าวจาก  http://droidsans.com

วันอาทิตย์ที่ 26 เมษายน พ.ศ. 2558

รีวิว (Review) Asus ZenFone 2 (ZE550ML)









 ขอขอบคุณข้อมูลจาก thaimobilecenter.com

รีวิว (Review) Asus ZenFone 2 (ZE550ML)
สมาร์ท โฟน 4G สุดคุ้มรุ่นใหม่ล่าสุดที่รอคอย ซึ่งมาพร้อมความสดใหม่ของ Android 5.0 Lollipop, จอใหญ่เต็มตา 5.5 นิ้ว, ซีพียู Quad-Core, RAM 2 GB, กล้อง 13 ล้านพิกเซล และแบตเตอรี่ 3,000 mAh ครบเครื่องได้ในราคาแค่หลักพัน
Review Date (15-เมษายน -2558)
Asus ZenFone 2 สมาร์ทโฟนสุดคุ้มรุ่นต่อยอดที่ใครหลายๆ คนรอคอย และกำลังจับตามองมากเป็นพิเศษ ซึ่งล่าสุดเมื่อวันที่ 3 เมษายน ที่ผ่านมาก็มีร้านค้ามือถือรายใหญ่บางเจ้าในห้างมาบุญครอง (MBK) ได้นำเครื่อง ASUS ZenFone 2 ล็อตแรก เข้ามาวางจำหน่ายเป็นครั้งแรกเรียบร้อยแล้ว ในรูปแบบของ Asus ZenFone 2 เครื่องนอก หรือเครื่องหิ้วนั่นเอง โดยสมาร์ทโฟน Asus ZenFone 2 เครื่องนอกล็อตแรกที่นำมาวางจำหน่ายนั้นยังคงมีเพียงรุ่นเดียว คือรุ่น ZE550ML ซึ่งมีคุณสมบัติที่อยู่กึ่งระหว่างรุ่น ZE500CL ซึ่งมีราคาถูกกว่า และรุ่น ZE551ML ซึ่งมึราคาสูงกว่า โดยทีมงานไทยโมบายเซ็นเตอร์ก็ไม่รอช้า ได้ถือโอกาสนี้แวะไปจับจองเป็นเจ้าของเป็นที่เรียบร้อย พร้อมนำประสบการณ์ครั้งแรกที่ได้สัมผัสกับ Asus ZenFone 2 รุ่นนี้มารีวิวให้ผู้อ่านทุกท่านได้ชมกันครับ
ด้านการดีไซน์ของ Asus ZenFone 2 นั้นก็มีการปรับเปลี่ยนเล็กน้อย โดยในส่วนของปุ่ม เพิ่ม-ลด ระดับเสียง จะย้ายมาอยู่ที่ด้านหลังของตัวเครื่อง ส่วนพื้นผิวของฝาหลัง หากเป็นโมเดล ZE550ML นี้ จะเป็นพื้นผิวแบบด้าน ซึ่งต่างจากโมเดล ZE551ML ที่จะเป็นพื้นผิวแบบขัดลาย โดยคุณสมบัติเด่นของ Asus ZenFone 2 (ZE550ML) คือจะมาพร้อมกับจอแสดงผลแบบ IPS LCD ขนาด 5.5 นิ้ว ความละเอียดระดับ HD 720p, กระจกหน้าจอแบบ Corning Gorilla Glass 3 และเทคโนโลยีการเคลือบกระจกแบบ Oleophobic Coating ที่ช่วยป้องกันรอยนิ้วมือบนหน้าจอ รวมไปถึงหน่วยประมวลผลแบบ Quad-Core 64-bit Intel Atom Z3560 Processor ความเร็วในการประมวลผล 1.8 GHz, ระบบปฏิบัติการ Android 5.0 Lollipop ซึ่งเป็นระบบปฏิบัติการแอนดรอยด์เวอร์ชันใหม่ล่าสุด, หน่วยความจำภายในขนาด 16 GB, หน่วยความจำ RAM ขนาด 2 GB, กล้องดิจิตอลตัวหลัก ความละเอียดระดับ 13 ล้านพิกเซล พร้อมไฟแฟลชในตัวแบบ Dual-LED (True Tone : Dual Tone), กล้องดิจิตอลด้านหน้า ความละเอียดระดับ 5 ล้านพิกเซล และแบตเตอรี่ความจุ 3,000 mAh ซึ่งถือว่าใหญ่จุใจพอสมควร
นอกจากนี้ยังมีความสามารถด้านการรองรับการใช้งานเชื่อมต่ออินเทอร์เน็ตผ่านทางระบบเครือข่ายความเร็วสูงแบบ 4G LTE รวมถึงรองรับการใช้งานสองซิมการ์ด อีกด้วย และจุดเด่น หรือความน่าสนใจของ Asus ZenFone 2 ยังไม่หมดแต่เพียงเท่านี้ ดังนั้นเราลองมาติดตามชมกันต่อดีกว่าว่า Asus ZenFone 2 รุ่นนี้จะมีดีสมกับการรอคอยหรือไม่ และจะคุ้มค่ากับราคาค่าตัวมากน้อยขนาดไหน

รูปลักษณ์ภายนอกตัวเครื่อง และการออกแบบดีไซน์
สำหรับ Asus ZenFone 2 นั้นจะมาพร้อมกับหน้าจอแสดงผลแบบ IPS LCD ขนาด 5.5 นิ้ว ซึ่งมีความละเอียดระดับ HD (1280x720 Pixels) และกระจกหน้าจอแบบ Corning Gorilla Glass 3 ที่ช่วยเพิ่มประสิทธิภาพในการป้องกันแรงกระแทก หรือรอยขีดข่วน รวมไปถึงเทคโนโลยีการเคลือบกระจกแบบ Oleophobic Coating ที่ช่วยป้องกันรอยนิ้วมือบนหน้าจอ
ด้านหน้าส่วนบนนั้น จะประกอบไปด้วย เลนส์กล้องความละเอียด 5 ล้านพิกเซล ถัดมาคือลำโพงหูฟังสำหรับการสนทนา และเซ็นเซอร์ Proximity Sensor สำหรับการปิดหน้าจอแบบอัตโนมัติขณะสนทนา พร้อมไฟ LED สำหรับการแจ้งเตือนต่างๆ รวมไปถึงระบบ Accelerometer Sensor ที่ช่วยหมุน หรือปรับเปลี่ยนทิศทางการแสดงผลของหน้าจอให้แบบอัตโนมัติ ตามลักษณะการจับถือของผู้ใช้
ด้านหน้าส่วนล่างประกอบไปด้วย ปุ่มควบคุมการทำงานแบบสัมผัส ซึ่งจะมีปุ่มย้อนกลับ, ปุ่มโฮม และปุ่ม Multitasking
ด้านข้างส่วนบนนั้น จะประกอบไปด้วย ช่องสำหรับเชื่อมต่อชุดหูฟังมาตรฐาน ขนาด 3.5 มิลลิเมตร ถัดมาก็จะเป็น ปุ่มสำหรับ เปิด-ปิด เครื่อง หรือ ล็อคหน้าจอ และไมโครโฟนสำหรับตัดเสียงรบกวน
ด้านข้างส่วนล่าง นั้นจะประกอบไปด้วย ช่อง microUSB สำหรับการชาร์จแบตเตอรี่ หรือเชื่อมต่อกับคอมพิวเตอร์ ถัดมาจะเป็นไมโครโฟนสำหรับการสนทนา หรือ บันทึกเสียง
ด้านข้างฝั่งขวาส่วนล่างนั้น จะมีร่องสำหรับเปิดฝาหลัง
วัสดุด้านหลังตัว เครื่อง Asus ZenFone 2 นั้นจะทำมาจากพลาสติกที่ดูมีความแข็งแรงทนทาน และจะเป็นพื้นผิวแบบด้าน (โมเดล ZE551ML ซึ่งเป็นรุ่นสูงกว่า จะเป็นพื้นผิวแบบขัดลาย)
ด้านหลังส่วนบนนั้น จะประกอบไปด้วยกล้องดิจิตอล ความละเอียดระดับ 13 ล้านพิกเซล โดยมีขนาดของรูรับแสง (Aperture) กว้างสูงสุดที่ F/2.0 และมีไฟแฟลชในตัวแบบ Dual-LED (True Tone : Dual Tone) อยู่ที่ด้านบนของกล้องดิจิตอล ถัดมาจะเป็น ปุ่ม เพิ่ม-ลด ระดับเสียง
และด้านหลังส่วนล่างนั้น จะมีลำโพงเสียงภายนอกขนาดใหญ่
และเมื่อเปิดฝาหลัง ของตัวเครื่องออกมา ก็จะพบกับช่องสำหรับใส่ซิมการ์ดที่ 1 และช่องสำหรับใส่ซิมการ์ดที่ 2 โดยช่องซิมการ์ดทั้งสองช่องจะรองรับการใช้งานร่วมกับซิมการ์ดแบบ microSIM ถัดขึ้นมาจะเป็นช่องสำหรับเพิ่มหน่วยความจำภายนอกแบบ microSD ซึ่งรองรับได้สูงสุดที่ขนาด 64 GB ส่วนแบตเตอรี่จะมีความจุอยู่ที่ 3,000 mAh ซึ่งน่าจะเหลือเฟือสำหรับการใช้งานตลอดวัน
โดยอุปกรณ์ที่มีมา ให้ในชุดจำหน่ายมาตรฐานนั้นจะประกอบไปด้วย หูฟังแบบสเตอริโอ พร้อมหัวต่อมาตรฐานขนาด 3.5 มิลลิเมตร, คู่มือการใช้งาน, อะแดปเตอร์ชาร์จแบตเตอรี่ พร้อมสาย microUSB สำหรับเชื่อมต่อกับคอมพิวเตอร์ ส่วนหัวแปลงปลั๊กไฟทางร้านที่หิ้วเข้ามาจำหน่าย จะแถมมาให้เป็นกรณีพิเศษ เนื่องจากอะแดปเตอร์ของเครื่องนอกอาจจะไม่สามารถเสียบกับเต้ารับทั่วๆ ไปในบ้านเราได้

เปิดเครื่องใช้งาน พร้อมการทดสอบฟังก์ชัน และแอปพลิเคชันต่างๆ
Asus ZenFone 2 (ZE550ML) จะมาพร้อมหน่วยประมวลผลแบบ Quad-Core 64-bit Intel Atom Z3560 Processor ความเร็วในการประมวลผล 1.8 GHz และหน่วยประมวลผลภาพกราฟิกโดยเฉพาะ (GPU : Graphics Processing Unit) แบบ PowerVR G6430 รวมไปถึงหน่วยความจำ RAM ขนาด 2 GB
และทำงานอยู่บนระบบปฏิบัติการ Android 5.0 (Lollipop) ซึ่งเป็นระบบปฏิบัติการแอนดรอยด์เวอร์ชันใหม่ล่าสุด ณ ปัจจุบัน
ส่วนพื้นที่เก็บ บันทึกข้อมูลภายในขนาด 16 GB จะเหลือให้ใช้งานได้จริงประมาณ 11.31 GB โดย Asus ZenFone 2 นั้น จะรองรับการใส่การ์ดหน่วยความจำเสริมเพิ่มเติมแบบ microSD Card ได้สูงสุดขนาด 64 GB
ในส่วนของการ เปิด-ปิด เครื่องนั้น จะมีคำสั่งปิดเครื่อง, คำสั่งรีสตาร์ท และโหมดใช้งานบนเครื่องบิน
สำหรับ User Interface ในหน้า Lock Screen นั้นจะมีการแจ้งเตือนสถานะต่างๆ พร้อมทั้งยังสามารถแตะการแจ้งเตือนเพื่อเช็คสถานะของแอปพลิเคชันนั้นๆ ได้อีกด้วย
 
ส่วนหน้า Home Screen ของ Asus ZenFone 2 นั้นจะถูกออกแบบมาอย่างเรียบง่าย เพื่อการใช้งานที่สะดวกมากขึ้น พร้อมทั้งรองรับการเพิ่ม หรือตกแต่งวิดเจ็ต, วอลเปเปอร์ และ เอฟเฟกต์ ในหน้า Home Screen
รวมไปถึงยังมีแอปพลิเคชันติดตั้งมาให้อย่างครบครัน  ไม่ว่าจะเป็นแอปพลิเคชันพื้นฐานจาก Google  และแอปพลิเคชัน เบ็ดเตล็ด ต่างๆ อย่างเช่น แอปพลิเคชันเครื่องคิดเลข, เครื่องบันทึกเสียง, เข็มทิศ และวิทยุ FM Stereo เป็นต้น
สามารถเข้าใช้งาน ฟังก์ชัน Google Now แบบด่วนได้ โดยกดปุ่ม โฮม ค้างไว้ ประมาณ 2 วินาที รวมไปถึงการค้นหาข้อมูล หรือ ค้นหาไฟล์ด้วยเสียง ก็สามารถทำได้เช่นกัน
และเมื่อปัดขอบหน้า จอด้านบนลงมาก็จะเป็นการเรียกใช้งานแถบ Notification Bar โดยด้านบนนั้นจะมีการแจ้งเตือนสถานะต่างๆ พร้อมทั้งยังสามารถลบการแจ้งเตือนของแอปพลิเคชันที่ไม่พึงประสงค์ได้อีกด้วย และยังมีทางลัดสำหรับการ เปิด-ปิด ฟังก์ชันพื้นฐานต่างๆ ไม่ว่าจะเป็น WiFi, ข้อมูลเครือข่าย, เปิดระบบสั่น, หมุนหน้าจออัตโนมัติ และการปรับแสงหน้าจอ เป็นต้น รวมไปถึงยังสามารถปรับแต่งทางลัด หรือการตั้งค่าด่วนได้ตามที่ต้องการ
เมื่อกดปุ่ม Multitasking ก็จะเข้าสู่โหมด Recent Apps ซึ่งจะแสดงประวัติแอปพลิเคชันทั้งหมดที่เคยใช้งานล่าสุด และสามารถแตะที่ไอคอนแอปพลิเคชันนั้น เพื่อสลับการทำงานของแอปพลิเคชันในปัจจุบัน รวมไปถึงการปัดไปทาง ซ้าย-ขวา หรือ แตะที่กากบาท เพื่อปิดการทำงานของแอปพลิเคชัน รวมไปถึงแตะที่รูปปักหมุด เพื่อล็อคการใช้งานแอปพลิเคชันนั้นไว้ได้เช่นกัน
 
ในส่วนของฟังก์ชัน โทรศัพท์ มีการออกแบบให้ใช้งานง่าย และสามารถ เลือกเก็บบันทึกเบอร์ผู้ติดต่อใหม่ได้ตามที่ต้องการ พร้อมทั้งยังสามารถค้นหารายชื่อผู้ติดต่อได้
คีย์บอร์ด Asus ZenFone 2 นั้น สามารถการพิมพ์ด้วยเสียงได้
 
พร้อมทั้งยังรองรับการใช้งานอีเมลได้หลายรูปแบบ ไม่ว่าจะเป็น Gmail, Hotmail, Yahoo! รวมไปถึงการใช้งาน Exchange เป็นต้น
 
การใช้งานเว็บเบราว์เซอร์ นั้นถือว่ามีความรวดเร็ว และราบรื่น
 
ส่วนการใช้งานด้าน การฟังเพลง Asus ZenFone 2 จะมีแอปพลิเคชันเครื่องเล่นเพลง ซึ่งสามารถดูรายการเพลงทั้งหมด, รายการเพลงโปรด และเพลงที่เล่นมากที่สุด รวมไปถึงการรองรับไฟล์เพลงมาตรฐาน แบบ MP3, WAV, AAC, WMA และอื่นๆ
ส่วนแอปพลิเคชัน Youtube ในการเข้าชมคลิปวีดีโอต่างๆ แบบออนไลน์ ก็ติดตั้งมาให้ใช้งานด้วย พร้อมทั้งแอปพลิเคชันสำหรับการชมภาพยนตร์ ก็สามารถเปิดเล่นไฟล์ความละเอียด 1920x1080 Pixels (Full HD) ได้อย่างราบรื่นเลยทีเดียว (แต่แสดงผลได้เพียงแค่ความละเอียด HD 720p ตามคุณสมบัติของหน้าจอ)
ด้านความสามารถใน การเล่นเกม ก็ถือว่าดีเยี่ยมเลยทีเดียว โดย Asus ZenFone 2 มาพร้อมกับหน่วยประมวลผลกราฟฟิก แบบ PowerVR G6430 ซึ่งสามารถรองรับการเล่นเกมที่ใช้กราฟิกในระดับสูงๆ ได้เป็นอย่างดี

แอปพลิเคชัน และฟังก์ชันอื่นๆ ที่น่าสนใจบน Asus ZenFone 2
โปรแกรมเรียกดูไฟล์ ซึ่งสามารถเรียกดูไฟล์ หรือ ข้อมูลแบบแยกประเภทได้
นอกจากนี้ ยังมาพร้อมกับแอปพลิเคชันการประหยัดแบบสมาร์ต ซึ่งจะสามารถเปิด-ปิด โหมดประหยัดพลังงานแบตเตอรี่ได้ และจะมีโหมดให้เลือกใช้งานถึง 3 โหมดด้วยกัน ไม่ว่าจะเป็น โหมดประหยัดพลังงานพิเศษ, โหมดที่ดีที่สุด และโหมดกำหนดเอง รวมไปถึงการแจ้งสถานะปริมาณแบตเตอรี่ที่เหลืออยู่ในแต่ละวัน
 
โหมดการใช้งานสำหรับเด็ก ซึ่งสามารถกำหนดการใช้งานได้ตามที่ต้องการเพื่อเด็กๆ ของท่าน
แอปพลิเคชันสำหรับตรวจเช็คสภาพอากาศในแต่ละวัน หรือตรวจเช็คสภาพอากาศล่วงหน้า ก็ติดตั้งมาให้ใช้เช่นกัน
แอปพลิเคชัน MiniMovie สำหรับผู้ใช้งานที่ต้องการตกแต่งภาพให้เป็นภาพเคลื่อนไหว โดยวีธีการใช้งานจะมีเพียง 3 ขั้นตอน ซึ่งการใช้งานก็ไม่ยากแต่อย่างใด
แอปพลิเคชัน PhotoCollage ซึ่งผู้ใช้งานสามารถนำภาพถ่ายมารวบรวมให้เป็นรูปเดียวได้ พร้อมทั้งตกแต่งภาพถ่ายในสไตล์ต่างๆ ได้อีกด้วย
Asus ZenFone 2 นั้นรองรับการเก็บบันทึกข้อมูลแบบ Cloud Storage ด้วยบริการ ASUS WebStorage (ฟรีพื้นที่เก็บบันทึกข้อมูลขนาด 5 GB)
และอีกหนึ่ง แอปพลิเคชันพื้นฐานอย่าง Google Play Store ก็ช่วยให้ผู้ใช้งาน Asus ZenFone 2 สามารถดาวน์โหลดแอปพลิเคชันยอดนิยม, เกมสุดฮิต รวมไปถึงวิดเจ็ต และธีมต่างๆ ได้มากมายไม่จำกัด

ทดสอบประสิทธิภาพการใช้งานด้วยแอปพลิเคชันทดสอบต่างๆ
Asus ZenFone 2 นั้นรองรับการสัมผัสพร้อมกันได้สูงสุด 10 จุด
เมื่อทดสอบ ประสิทธิภาพการใช้งานด้าน GPS ในพื้นที่เปิดโล่ง ด้วยแอปพลิเคชัน AndroiTS GPS Test จะเห็นว่าสามารถรับสัญญาณจากดาวเทียมได้โดยประมาณ 23 ดวง ล็อคสัญญาณได้ 19 ดวง และระดับความแรงของสัญญาณ อยู่ในช่วงประมาณ 1-208 ส่วนระดับความแม่นยำโดยประมาณอยู่ที่ 48 เมตร
และเมื่อทดสอบอีก ครั้งบนพื้นที่เปิดโล่งด้วยแอปพลิเคชัน GPS Test ซึ่งรับสัญญาณจากดาวเทียมได้โดยประมาณ 24 ดวง ล็อคสัญญาณได้โดยประมาณ 20 ดวง และระดับความแรงของสัญญาณอยู่ในช่วงประมาณ 12-38 ส่วนระดับความแม่นยำโดยประมาณอยู่ที่ 39 ฟุต อย่างไรก็ดี ผลการทดสอบการรับสัญญาณดาวเทียมในแต่ละช่วงเวลาก็จะแตกต่างกันไป ขึ้นอยู่กับสภาพแวดล้อมขณะทดสอบ เช่นท้องฟ้าเปิดโล่งมากน้อยขนาดไหน หรือมีอาคารสถานที่มาบดบังสัญญาณมากน้อยเพียงใด
 
ในตัวเครื่อง Asus ZenFone 2 นั้นสามารถใช้งานระบบ GPS และ A-GPS ร่วมกับ แอปพลิเคชัน Google Maps และแอปพลิเคชันนำทางต่างๆ ได้
 
เมื่อทดสอบประสิทธิภาพการใช้งานด้วยแอปพลิเคชัน Antutu Benchmark ผลคะแนนจะออกมาอยู่ที่ 43019 คะแนน
เมื่อทดสอบประสิทธิภาพการใช้งานด้วยแอปพลิเคชัน PCMark for Android ผลคะแนนจะออกมาอยู่ที่ 4928 คะแนน
เมื่อทดสอบ ประสิทธิภาพการใช้งานด้วยแอปพลิเคชัน Vellamo ผลคะแนนในส่วนของเบราว์เซอร์จะแบ่งออกเป็น 2 เบราว์เซอร์ ซึ่งเบราว์เซอร์ที่ติดตั้งมากับเครื่อง คะแนนจะออกมาอยู่ที่ 2712 คะแนน และเบราว์เซอรื Chrome จะออกมาอยู่ที่ 3026 คะแนน ส่วนผลคะแนนของ Multicore จะออกมาอยู่ที่ 1311 คะแนน และคะแนนในส่วนของ Metal จะออกมาอยู่ที่ 1166 คะแนน
เมื่อทดสอบ ประสิทธิภาพการใช้งานด้วยแอปพลิเคชัน AndEBench ผลคะแนน Native จะออกมาอยู่ที่ 17204 คะแนน และผลคะแนน Java จะออกมาอยู่ที่ 1147 คะแนน

กล้องดิจิตอล การถ่ายภาพนิ่ง และภาพวีดีโอ
สำหรับกล้องดิจิตอล ด้านหลังบน Asus ZenFone 2 นั้นมีความละเอียดสูงสุดถึง 13 ล้านพิกเซล โดยมีขนาดของรูรับแสง (Aperture) กว้างสูงสุดที่ F/2.0 พร้อมทั้งสามารถสลับเปลี่ยนเป็นกล้องดิจิตอลด้านหน้าของตัวเครื่อง ซึ่งมีความละเอียดสูงสุดถึง 5 ล้านพิกเซล  ได้ด้วยการกดที่ไอคอนรูปม้วนกลับที่ด้านซ้ายกลางของรูปภาพ และยังสามารถเปลี่ยนเป็นกล้องวีดีโอ ได้อีกด้วย
สามารถเปิด-ปิด ไฟแฟลชได้ พร้อมทั้งยังมีฟังก์ชัน Geotagging ซึ่งรองรับการแนบข้อมูลพิกัดตำแหน่งบนพื้นโลกไปกับรูปถ่าย รวมถึงรองรับการปรับขนาดของภาพ, ตั้งเวลาถ่ายภาพ, ปรับค่าสมดุลแสงสีขาว หรือ ไวต์บาลานซ์
และในส่วนของการ ถ่ายวีดีโอนั้น ก็จะมีให้ตั้งค่าได้เล็กน้อย โดยเราสามารถเลือกความละเอียดของวีดีโอที่ต้องการได้สูงสุดที่ระดับ Full HD หรือ 1080p
โดยรวมแล้ว กล้องของ Asus ZenFone 2 สามารถกำหนดค่าใช้งานได้ยืดหยุ่น และหลากหลาย
มีโหมดการถ่ายภาพ ที่น่าสนใจต่างๆ ให้เลือกมากมายไม่ว่าจะเป็น โหมดอัตโนมัติ, โหมดกำหนดเอง, โหมดการถ่ายภาพแบบ HDR, โหมดเพิ่มความสวย, โหมดความพิเศษ, โหมดกลางคืน, โหมดพาโนรามา และโหมดระยะชัดลึก และชัดตื้น เป็นต้น
ทดลองใช้งานโหมดภาพวัตถุจิ๋ว
และทดลองใช้งาน โหมดระยะชัดลึก และชัดตื้น
สำหรับกล้องดิจิตอลความละเอียด 5 ล้านพิกเซล ที่ด้านหน้าของตัวเครื่อง จะมีโหมด Beauty ให้ปรับแต่งใช้งานได้ตามใจชอบ

ตัวอย่างภาพถ่ายจากกล้องดิจิตอลด้านหลังของตัวเครื่องความละเอียดระดับ 13 ล้านพิกเซล ของ Asus ZenFone 2
ตัวอย่างภาพถ่ายจากโหมดถ่ายภาพแบบปกติ

ทดสอบถ่ายภาพด้วยโหมด ระยะชัดลึก และชัดตื้น
ตัวอย่างภาพถ่ายจากโหมดถ่ายภาพแบบ ปกติ
ตัวอย่างภาพถ่ายจากโหมด ระยะชัดลึก และชัดตื้น

ทดสอบถ่ายภาพด้วยโหมด HDR
ตัวอย่างภาพถ่ายจากโหมดถ่ายภาพแบบปกติ

ตัวอย่างภาพถ่ายจากโหมด HDR

สรุปผลการทดสอบของ Asus ZenFone 2 (ZE550ML)
จากการที่มีโอกาสได้ใช้งาน Asus ZenFone 2 (ZE550ML) มาระยะหนึ่ง ก็พอจะสรุปได้ว่า Asus ZenFone 2 นั้นเป็นสมาร์ทโฟนที่สามารถตอบโจทย์การใช้งานทุกรูปแบบได้อย่างเต็มประสิทธิภาพ ในระดับราคาที่ใครก็สามารถเอื้อมถึงได้ง่าย เริ่ม ตั้งแต่การใช้งานในระดับพื้นฐาน เช่น การที่สามารถเปิดเล่นไฟล์วีดีโอความละเอียดสูงระดับ Full HD ได้อย่างไม่มีอาการกระตุก หรือการใช้งานในระดับที่สูงขึ้นมา เช่นการเล่นเกมที่มีกราฟิกระดับสูงก็สามารถทำออกมาได้อย่างดีเยี่ยมแบบไม่มี อาการหน่วงให้เห็น ซึ่งประสิทธิภาพในการทำงานเหล่านี้ ก็คงต้องยกความดีความชอบให้กับหน่วยประมวลผลกราฟิกแบบ PowerVR G6430, ซีพียู Quad-Core 64-bit Intel Atom Z3560 และหน่วยความจำ RAM ขนาด 2 GB ซึ่งถูกใส่ไว้ภายใน Asus ZenFone 2
ส่วนคุณสมบัติเด่นในด้านอื่นๆ ก็ถือว่าอยู่ในระดับน้องๆ สมาร์ทโฟนไฮเอนด์เลยทีเดียว ไม่ว่าจะเป็นจอแสดงผลแบบ IPS LCD ขนาดใหญ่เต็มตา 5.5 นิ้ว ความละเอียดระดับ HD 720p, กล้องดิจิตอลที่ด้านหลังของตัวเครื่องที่มีความละเอียดถึง 13 ล้านพิกเซล และมีขนาดของรูรับแสงที่กว้างถึงระดับ F/2.0 จึงทำสามารถถ่ายภาพในที่แสงน้อยได้เป็นอย่างดี พร้อมไฟแฟลชในตัวแบบ Dual-LED (True Tone : Dual Tone) ที่หาได้ยากในสมาร์ทโฟนราคาหลักพัน รวมไปถึงโหมดกล้องที่มีให้ใช้งานที่หลากหลาย ทำให้ผู้ใช้งานสามารถสร้างสรรค์การถ่ายภาพในหลายๆ รูปแบบได้อย่างอิสระตามต้องการ ส่วนกล้องด้านหน้าก็มีความละเอียดถึง 5 ล้านพิกเซล พร้อมเลนส์มุมกว้าง 85 องศา และโหมดถ่ายภาพแบบพาโนราม่าเซลฟี่ (Panorama Selfie) ที่สามารถรองรับการถ่ายมุมกว้างได้สูงสุด 140 องศา ซึ่งเรียกได้ว่าเหมาะกับการถ่ายภาพเซลฟี่เป็นอย่างยิ่ง
นอกจากนี้ Asus ZenFone 2 ยังมาพร้อมกับระบบปฏิบัติการแอนดรอยด์ที่สดใหม่ที่สุดอย่าง Android 5.0 (Lollipop) ซึ่งผ่านการพัฒนา และลบจุดบกพร่องของเวอร์ชันก่อนหน้านี้มาแล้ว, หน่วยความจำภายในสำหรับเก็บบันทึกข้อมูลขนาด 16 GB ที่อาจจะไม่มากนัก แต่ก็สามารถรองรับการ์ดหน่วยความจำเสริมภายนอกแบบ microSD Card ได้สูงสุดขนาด 64 GB พร้อมทั้งสามารถเชื่อมต่ออินเทอร์เน็ตความเร็วสูงผ่านทางระบบเครือข่ายแบบ 4G LTE และรองรับ 3G ทุกเครือข่าย รวมถึงรองรับการใช้งานสองซิมการ์ดภายในเครื่องเดียว
สำหรับการวางจำหน่าย Asus ZenFone 2 อย่างเป็นทางการในบ้านเรานั้นคาดว่าจะเป็นช่วงเดือนพฤษภาคม แต่จะมีจำหน่ายครบทั้ง 3 โมเดลเลยหรือไม่ (ZE500CL, ZE550ML, ZE551ML) และจะมีราคาเท่าไหร่บ้าง ก็คงจะต้องติดตามข่าวกันอีกครั้งหนึ่ง แต่หากท่านใดที่รอไม่ไหว ก็อาจจะต้องยอมจ่ายแพงกว่าปกติสักหน่อย เพื่อให้ได้ Asus ZenFone 2 มาใช้งานก่อน ในราคาประมาณ 8,500 บาท (Asus ZenFone 2 ZE550ML เครื่องนอก หรือเครื่องหิ้ว) ซึ่งก็คงจะต้องลองชั่งใจกันดู และสุดท้ายนี้ทางทีมงานไทยโมบายเซ็นเตอร์ต้องขอลาไปก่อน ไว้พบกันได้ใหม่โอกาสหน้า สวัสดีครับ

จุดเด่นของ Asus ZenFone 2 (ZE550ML)
- รองรับการใช้งาน 2 ซิมการ์ดพร้อมกันภายในเครื่องเดียว (Dual SIM : Dual Standby)
- จอแสดงผลแบบ IPS LCD  ความละเอียด 1280x720 Pixels (HD 720p : กว้าง 5.5 นิ้ว : 267 ppi) พร้อมหน่วยประมวลผลภาพกราฟิกโดยเฉพาะ (GPU : Graphics Processing Unit) แบบ PowerVR G6430
- กระจกหน้าจอแบบ Corning Gorilla Glass 3 ช่วยเพิ่มประสิทธิภาพในการป้องกันแรงกระแทก หรือรอยขีดข่วน
- เทคโนโลยีการเคลือบกระจกแบบ Oleophobic Coating ช่วยป้องกันรอยนิ้วมือบนหน้าจอ
- ประมวลผลการทำงานด้วย Quad-Core 64-bit Intel Atom Z3560 Processor ความเร็วในการประมวลผล 1.8 GHz
- ขับเคลื่อนการทำงานด้วยระบบปฏิบัติการ Android 5.0 Lollipop
- หน่วยความจำภายในสำหรับเก็บบันทึกข้อมูลขนาด 16 GB
- หน่วยความจำ RAM ขนาด 2 GB
- รองรับการ์ดหน่วยความจำเสริมภายนอกแบบ microSD Card ได้สูงสุดขนาด 64 GB
- รองรับการเก็บบันทึกข้อมูลแบบ Cloud Storage ด้วยบริการ ASUS WebStorage (ฟรีพื้นที่เก็บบันทึกข้อมูลขนาด 5 GB)
- รองรับการเชื่อมต่ออินเทอร์เน็ตผ่านทางระบบ WiFi, LTE, HSPA, EDGE และ GPRS
- รองรับการใช้งานระบบเครือข่ายแบบ 4G LTE และ 3G ทุกคลื่นความถี่
- ระบบ GPS ในตัว (Global Positioning System : ระบบดาวเทียมนำร่อง) พร้อมฟังก์ชัน A-GPS
- รองรับเทคโนโลยี USB OTG (USB On-the-Go) ช่วยให้สามารถเชื่อมต่อแลกเปลี่ยนข้อมูลกับอุปกรณ์อื่นๆ ได้โดยตรง โดยไม่ต้องใช้เครื่องคอมพิวเตอร์เป็นทางผ่าน
- กล้องดิจิตอลตัวหลักที่ด้านหลังของตัวเครื่อง ความละเอียดระดับ 13 ล้าน Pixels พร้อมไฟแฟลชในตัว (Dual-LED Flash : True Tone : Dual Tone), ขนาดของรูรับแสง (Aperture) กว้างสูงสุดที่ F/2.0
- ถ่ายภาพวีดีโอได้ที่ความละเอียดสูงสุดระดับ Full HD 1080p (1920x1080 Pixels : 30 fps)
- กล้องดิจิตอลขนาดเล็กที่ด้านหน้าของตัวเครื่อง ความละเอียดระดับ 5 ล้าน Pixels
- ขนาดของรูรับแสง (Aperture) กว้างสูงสุดที่ F/2.0 และเลนส์มุมกว้าง 85 องศา
- โหมดถ่ายภาพแบบพาโนราม่าเซลฟี่ (Panorama Selfie) ที่สามารถรองรับการถ่ายมุมกว้างได้สูงสุด 140 องศา
- แบตเตอรี่ Li-Ion ความจุ 3,000 mAh

จุดที่อาจจะต้องพิจารณาเพิ่มเติมของ Asus ZenFone 2 (ZE550ML)

- พื้นที่เก็บบันทึกข้อมูลภายในขนาด 16 GB เหลือให้ใช้งานจริงอยู่เพียงแค่ประมาณ 11.31GB
- ไม่รองรับเทคโนโลยีการเชื่อมต่อแบบ NFC
- จอแสดงผลมีความละเอียดเพียงแค่ระดับ HD 720p
- พื้นผิวของฝาหลัง ไม่ใช่พื้นผิวแบบขัดลายเช่นเดียวกับโมเดล ZE551ML
- ไม่รองรับเทคโนโลยีการชาร์จแบตเตอรี่ความเร็วสูง (Fast Charging)
- ตัวเครื่องค่อนข้างหนา (10.9 มิลลิเมตร)

โปรดทราบ
* Asus ZenFone 2 ที่นำมาทดสอบนี้ เป็นโมเดล ZE550ML และยังไม่ใช่เครื่องศูนย์ที่วางจำหน่ายในประเทศไทยอย่างเป็นทางการ เพราะฉะนั้นคุณสมบัติบางอย่างอาจมีความแตกต่างจากเครื่องศูนย์ที่วางจำหน่าย จริงบ้างไม่มากก็น้อย ดังนั้นหากท่านสนใจซื้อโทรศัพท์มือถือรุ่นนี้ ควรตรวจสอบข้อมูล หรือทดลองใช้งานสินค้าด้วยตนเองอีกครั้งหนึ่ง *


สรุปคุณสมบัติเครื่อง

ท่านสามารถตรวจสอบคุณสมบัติแบบสรุป (Specification) ของ Asus ZenFone 2 ได้โดยการคลิกที่ลิงก์ด้านล่างนี้
Asus ZenFone 2 Specification

ข้อมูลเพิ่มเติมอื่นๆ ที่น่าสนใจ
Asus ZenFone 2 เครื่องนอกที่ มาบุญครอง (MBK) และ Lazada มาแล้ว! ล็อตแรกในไทยที่รอคอย กับราคาที่แรงตามคาด